บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ June 24, 2023

หลังคาสกายไลท์ กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะหลายคนที่มีโอกาสสร้างบ้านหรือซื้อบ้านของตนเอง แน่นอนอยู่แล้วว่าคงไม่ต้องการให้บ้านอับหรือมืดทึบ ดังนั้น ในขั้นตอนการออกแบบบ้านก็อย่าลืมออกแบบช่องแสงในจุดที่จำเป็นไว้บ้าง เพราะจะช่วยให้บ้านสว่างขึ้น ลดจุดอับชื้น ที่สำคัญยังเป็นการช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย โดยจุดช่องแสงทั่วไปก็จะได้แก่ หน้าต่าง ประตู ผนังติดกระจก แต่ถ้าเป็นในต่างประเทศจะเพิ่มช่องแสงบนหลังคา หรือใส่วัสดุโปร่งแสง อาทิเช่น กระจกเทมเปอร์, ลามิเนต หรือที่มักนิยมเรียกกันว่า “หลังคาสกายไลท์” (Skylight) ในการทำหลังคาลักษณะนี้มีผลดีต่อบ้านหลายอย่าง นอกจากนี้ เรายังมีข้อมูลมาฝากเกี่ยวกับเคล็ดลับการเลือกวัสดุมุงหลังคาบ้านให้ตรงใจ และ วิธีเลือกสีทานอกบ้านเพื่อให้เข้ากับหลังคาบ้าน แต่จะมีอะไรบ้างนั้น มาลองดูกัน


หลังคนสกายไลท์คืออะไร

หลังคาสกายไลท์ (Skylight) คือ ส่วนของหลังคาที่ออกแบบมาเพื่อให้แสงแดดสามารถเข้ามาในอาคารหรือพื้นที่ภายในได้ หลังคาสกายไลท์มักถูกทำจากวัสดุโปร่งแสง เช่น แผ่นแก้วหรือแผ่นโพลีคาร์บอเนต ซึ่งช่วยลดการใช้แสงไฟฟ้าในการให้แสงสว่างในระหว่างวันและช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในตัวบ้านหรืออาคาร หลังคาสกายไลท์มักถูกใช้ในอาคารที่ต้องการการแสงสว่างธรรมชาติ อย่างเช่น ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรืออาคารพาณิชย์เช่น ร้านค้า หรือห้องสำหรับการแสดงสินค้า เป็นต้น การมีหลังคาสกายไลท์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ลดค่าไฟฟ้า และสร้างความเป็นส่วนตัวในระหว่างการใช้งานในอาคาร

ข้อดีของการติดตั้งหลังคาสกายไลท์

หลังคาสกายไลท์

  • เพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ลดการใช้แสงจากหลอดไฟ

หลังคาโปร่งแสงจะรับแสงแดดจากบนหลังคาในช่วงกลางวัน ถือว่าเป็นการใช้งานจากพลังงานธรรมชาติไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากนั้น ยังทำให้จุดอับชื้นหรือมุมมืดของบ้านสว่างขึ้นโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟ

  • ช่วยระบายอากาศภายในบ้าน ฆ่าเชื้อโรคทางอ้อม

ปกติแล้วสกายไลท์จะติดตั้ง เพื่อให้เปิดออกได้ ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แสงแดดจะส่องเข้ามาภายในบริเวณบ้าน เพื่อช่วยระบายความร้อนและความอับชื้นได้

  • ทำให้บ้านดูโปร่งและกว้างขึ้น

การติดตั้งช่องแสงขนาดใหญ่จะทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในพื้นที่เปิด ไม่มีหลังคาทึบมาบดบังสายตา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็สามารถรับบรรยากาศภายนอกบ้านได้ ส่งผลให้บ้านดูโปร่งสบายตาและกว้างขึ้น

จุดไหนของบ้านที่ควรติดหลังคาสกายไลท์

เมื่อเราได้ทราบข้อดีของการติดตั้งช่องแสง หลังคาสกายไลท์ แล้ว คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าควรจะติดตั้งสกายไลท์ที่บริเวณไหนของบ้านบ้าง ซึ่งโดยปกติจะนิยมบริเวณ 4 จุดใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น, จุดอับแสงและมืดของบ้าน, ห้องใต้หลังคา และส่วนต่อเติมภายนอกที่ต้องการแสงสว่าง เช่น สวนกระจก, ห้องทานอาหาร, ห้องครัว เป็นต้น แต่วันนี้เราจะมาแนะนำจุดหลักๆ ของบ้านที่นอกเหนือจากบริเวณที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการเพิ่มแสงสว่างให้กับบ้านค่ะ

1. ทางเดินภายในบ้าน

หลังคาสกายไลท์

ถือว่าเป็นจุดแรกที่ต้องการแสงสว่างค่อนข้างมาก โดยเฉพาะทางเดินที่เชื่อมต่อจากประตูหน้าบ้าน หรือโถงทางเดินภายในบ้าน ซึ่งบางบ้านอาจจะออกแบบมาแล้วรู้สึกว่าแคบหรือมืด ทำให้มองเห็นไม่ถนัดจำเป็นต้องเปิดไฟในบ้านตลอดทั้งวัน การเติมช่องแสงเข้าไปในจุดนี้จะช่วยทำให้บ้านดูสว่างขึ้น และยังทำให้ปลอดภัยมากขึ้น หากกรณีที่เป็นพื้นต่างระดับ

2. ห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน

หลังคาสกายไลท์

บริเวณนี้เป็นสถานที่ที่คนในบ้านมักจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจทำกิจกรรมร่วมกันอยู่เสมอ การออกแบบให้ได้รับแสงที่พอเหมาะ จะทำให้ห้องดูโล่ง รู้สึกสบายตา และยังได้รับลมจากธรรมชาติ แต่การติดช่องแสงอย่างลืมพิจารณาปริมาณของช่องแสงและทิศทางที่แสงตกกระทบด้วย เพราะหากว่าแสงเข้ามากเกินไป จะทำให้รู้สึกร้อนจนแสบตาก็ได้

3. โถงเหนือบันได

หลังคาสกายไลท์

บางบ้านออกแบบมาให้บันไดที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นล่างกับชั้นบนเป็นทางเดินแคบๆ มีผนังกั้นปิดกันตกไว้ที่ด้านข้าง ซึ่งทำให้บริเวณนี้มืดจนควรที่จะเพิ่มหลอดไฟเข้าไปเสริม เพื่อความปลอดภัยในขณะที่ใช้บันได แต่หากคุณใช้วิธีเจาะช่องแสงให้โปร่งสว่างก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แถมลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุลงได้

4. มุมทำงาน

หลังคาสกายไลท์

เจ้าของบ้านบางคนใช้บ้านส่วนตัวทำเป็น Home Office ด้วย ดังนั้น การเลือกมุมติดตั้งช่องแสงสกายไลท์ในจุดที่ต้องการ เช่น บริเวณโต๊ะทำงาน ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและช่วยประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น

5. ห้องครัว

หลังคาสกายไลท์

อีกจุดหนึ่งของบ้านที่ต้องการแสงสว่างไม่แพ้จุดอื่น ก็คือ ห้องครัว เพราะจะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค ขจัดความอับชื้น และยังเพิ่มความสว่างให้กับห้อง ลองหามุมดีๆ ในการทำช่องสกายไลท์บริเวณเพดานที่ต้องการ เช่น เคาน์เตอร์เตรียมอาหาร มุมล้างผัก

6. ห้องทานข้าว

หลังคาสกายไลท์

เพื่อเพิ่มบรรยากาศและรสชาติให้กับอาหาร ทำให้รู้สึกได้รับแสงสว่างที่อบอุ่นและโรแมนติกด้วยช่องแสงเล็กๆ จากแสงแดดธรรมชาติ

7. ห้องน้ำ

หลังคาสกายไลท์

ในบ้านรุ่นเก่ามักนิยมทำห้องน้ำไว้อยู่ด้านในมุมลับตาปิดมิดชิด แต่ในความเป็นจริงแล้วห้องน้ำเป็นห้องที่ควรจะให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงมากที่สุด เพื่อลดความอับชื้น ฆ่าเชื้อโรคที่หมักหมมอยู่ภายใน ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้แหล่ะที่จะเป็นพาหะทำให้เกิดโรคต่างๆ ฉะนั้น การเปิดพื้นที่ให้แสงแดดเข้าไปในห้องน้ำก็จะช่วยทำให้ถูกสุขลักษณะมากขึ้น

8. ห้องซักรีดหรือห้องอเนกประสงค์

หลังคาสกายไลท์

บ้านสมัยใหม่เริ่มมีการจัดแบ่งโซนแยกห้องซักรีดหรือห้องใช้งานอเนกประสงค์ออกมาต่างหาก ซึ่งเหมาะกับภูมิอากาศแบบบ้านเราที่มีฝนตกชุกและแดดแรง เพราะอย่างน้อยการที่เราเจาะช่องสกายไลท์ไว้เวลาที่ฝนตกเรายังสามารถตากผ้าในที่ร่มแบบไม่ต้องกลัวฝน แถมเวลาแดดออกจะทำให้ผ้าไม่เหม็นอับอีกด้วย


จุดหลักๆ เหล่านี้เป็นจุดที่ควรจะมีแสงสว่างให้เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งในการติดตั้งสกายไลท์จะต้องคำนึงถึงตำแหน่ง ทิศทางของแสง และขนาดของบานควรให้พอเหมาะกับพื้นที่ เพราะถ้าแสงมากเกินไปก็จะส่งผลให้ห้องร้อน รวมทั้งต้องดูแลการติดตั้งไม่ให้มีรอยรั่วบนหลังคาหรือผนังในจุดที่ติดตั้งอีกด้วย


สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการมุงหลังคาบ้าน

หลังที่ทำความรู้จักกับหลังคาสกายไลท์กันไปแล้ว คราวนี้เราจะพามาดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับการเลือกวัสดุมุงหลังคาบ้านให้ตรงใจ และวิธีเลือกสีทานอกบ้านเพื่อให้เข้ากับหลังคาบ้าน ไว้สำหรับใครที่กำลังลังเลใจในการมุงหลังคามาฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูกันเลย


เคล็ดลับการเลือกวัสดุมุงหลังคาบ้านให้ตรงใจ

การเลือกวัสดุมุงหลังคาเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างบ้าน เพราะช่วยเนรมิตรูปลักษณ์ภายนอกบ้านให้โดดเด่น สวยงาม แตกต่างจากบ้านอื่น แนวทางในการเลือกวัสดุมุงหลังคาอย่างไร ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือก ดังนั้นควรศึกษาและพิจารณาอย่างถูกต้องก่อนเลือกวัสดุมุงหลังคา

  1. เลือกตามรสนิยม : เจ้าของบ้านควรพิจารณารูปแบบและสไตล์บ้าน เพื่อเลือกกระเบื้องหลังคาที่เหมาะสม รวมถึงสีของกระเบื้องหลังคาที่ควรเลือกให้เหมาะสมกับสีของตัวบ้าน เช่น กระเบื้องรูปทรงข้าวหลามตัดเหมาะกับบ้านสไตล์โคโลเนียลและไทยประยุกต์ กระเบื้องลายไม้เหมาะกับบ้านสไตล์เนเชอรัล และกระเบื้องแผ่นเรียบเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น
  2. เลือกตามวัสดุ : วัสดุมุงหลังคาแต่ละชนิดมีค่ากันความร้อนแตกต่างกัน กระเบื้องหลังคาที่เป็นคอนกรีตมีความแข็งแรง กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์มีความแข็งแรงแต่บางเบา กระเบื้องหลังคาเซรามิกมีพื้นผิวมันเงาทำให้น้ำฝนชะล้างคราบสกปรกได้ง่าย กระเบื้องหลังคาดินเผาเหมาะกับบ้านสไตล์ย้อนยุค ทำให้ดูเงางามนานกว่ากระเบื้องหลังคาชนิดอื่น
  3. เลือกตามความชัน : การเลือกวัสดุมุงหลังคาในแต่ละรุ่นจะต้องเหมาะสมกับความชันของหลังคา เพื่อป้องกันการรั่วซึม กระเบื้องหลังคาแผ่นลอนมักมุงกับความชันต่ำๆ ได้มากกว่ากระเบื้องหลังคาแผ่นเรียบ สำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์นที่มีความชันต่ำเกินไป สามารถใช้วัสดุอื่นแทนได้ เช่น แผ่นหลังคาเหล็กรีดลอน แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องความร้อนและเสียงดัง หากต้องการติดตั้งอุปกรณ์เสริมบนหลังคา ต้องเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการติดตั้ง และออกแบบมาสำหรับใช้ในการติดตั้งกระเบื้องหลังคาแต่ละรุ่นโดยเฉพาะ

การเลือกวัสดุมุงหลังคาควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น รูปแบบสไตล์บ้าน ความชอบส่วนตัว ชนิดของวัสดุ ความชันของหลังคา และอุปกรณ์เสริม และควรวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนว่าต้องการติดตั้งอุปกรณ์อะไรบ้างบนพื้นที่หลังคาแล้วแจ้งต่อผู้รับเหมา เพื่อเตรียมหลังคาให้เหมาะสมกับการรองรับอุปกรณ์เสริมนั้น


วิธีเลือกสีทานอกบ้านเพื่อให้เข้ากับหลังคาบ้าน

เมื่อเลือกเฉดสีบ้าน ควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับสีหลังคาด้วย เลือกสีที่ตรงกันและสวยงาม และควรเลือกใช้สีที่ผสมกันได้หลากหลายเฉดสี เพื่อให้บ้านของคุณมีลักษณะที่โดดเด่นและสวยงามยิ่งขึ้น และนี่คือเทคนิการเลือกสีทานอกบ้านให้เข้ากับหลังคาบ้าน

  1. หลังคาบ้านสีแดง : หลังคาสีแดงเป็นสีหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการตกแต่งบ้านอยู่อาศัย โดยสามารถเข้ากับตัวบ้านหลายสีได้ เช่น สีขาว, ครีม, สีเทา, สีน้ำตาล, หรือสีเหลือง และการใช้สีขาวบริเวณกรอบหน้าต่างและผนังบางส่วนจะทำให้บ้านสวยแปลกไปอีกแบบ
  2. หลังคาบ้านสีออกเทาดำ : บ้านที่ปูหลังคาด้วยสีเทาดำมีความเรียบหรู โมเดิร์น และอบอุ่น สามารถเข้ากับสีทาบ้านทุกเฉดสีได้ ด้วยความเข้มของสีทำให้บ้านดูน่ารัก อ่อนโยน และสร้างอารมณ์คันทรี่ สามารถใช้กับบ้านสไตล์ลอฟท์ผนังคอนกรีตสีเทา, บ้านคอทเทจสีพาสเทล, หรือชุดสีครีม-น้ำตาลอ่อน-เทา และอารมณ์สุดๆ จะได้กับผนังสีฟ้าอ่อน-เทาและกองฟางเล็กน้อย
  3. หลังคาบ้านสีเทาขาว : สีเทาขาวเป็นสัญลักษณ์ของความสะอาดและเรียบง่ายในฤดูหนาว ใช้กันในบ้านสไตล์โคโลเนียลและวิคตอเรีย สามารถใช้กับสีอื่นๆ เช่น ครีม ควันบุหรี่ เหลืองไข่อ่อน สีพีช สีฟ้า หรือสีชมพูอมส้มจางๆ เพื่อไม่ให้บ้านดูจืดชืดเกินไป สามารถเพิ่มลูกเล่นด้วยการติดไม้สีธรรมชาติหรือสีน้ำตาล หรือใช้สีดำหรือสีเทาเข้มบนผนังเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับบ้านได้อีกด้วย
  4. หลังคาบ้านสีน้ำตาล หรือสีเปลือกมังคุด : การเลือกใช้หลังคาสีน้ำตาลสามารถสื่อถึงความสวยงามและอบอุ่นเป็นธรรมชาติของบ้านได้ แม้ว่าใช้สีเข้มอาจทำให้บ้านดูทึบเข้าไป แต่ก็สามารถใช้สีเข้มได้เช่นกัน และสีอ่อนๆ เช่นขาว ครีม หรือขาวครีม ก็ทำให้บ้านดูคลาสิกย้อนยุค สวยเรียบ ดูดี
  5. หลังคาบ้านสีน้ำเงิน : สีหลังคาที่ได้รับความนิยมอีกสีหนึ่งคือสีน้ำเงิน เนื่องจากโทนสีนี้ให้ความเย็นสบายและเหมาะกับบ้านหลากหลายสไตล์ และสามารถใช้กับการทาผนังโดยใช้สีขาว สีฟ้าเข้ม สีเทาหลากเฉด และสีครีม เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับบรรยากาศภายในบ้าน
  6. หลังคาบ้านสีเขียว : สีเขียวเหมาะกับบ้านสไตล์ไทยประยุกต์ และสีเขียวอ่อนเหมาะกับบ้านสไตล์ Cottage หรือ Vintage ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น ส่วนการใช้สีเทาควันบุหรี่ ตัดด้วยเหลืองหรือสีอิฐบริเวณเสาหรือขอบเส้นของบ้านจะทำให้มีลวดลายเด่นชัดขึ้น

เมื่อเลือกวัสดุมุงหลังคาให้คำนึงถึงความเหมาะสมกับการติดตั้งและออกแบบมาสำหรับใช้ในการติดตั้ง เพราะการเลือกหลังคาที่เหมาะสมจะช่วยให้บ้านของคุณมีความสวยงาม โดยควรพิจารณาตามปัจจัยต่างๆ และควรวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนว่าต้องการติดตั้งอุปกรณ์อะไรบ้างบนพื้นที่หลังคา แล้วแจ้งต่อผู้รับเหมาเพื่อเตรียมหลังคาให้เหมาะสมกับการรองรับอุปกรณ์เสริมนั้น

Con Mueangsak

เขียนโดย Con Mueangsak

โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save