บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ June 29, 2023

ประตูหน้าต่างไม้ ดูแลรักษาอย่างไรไม่ให้ผุพัง

ประตูหน้าต่างไม้ ในบ้านที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลานานๆแน่นอนอยู่แล้วว่าย่อมเกิดความเสื่อมโทรมไปกาลเวลา จึงต้องมีความใส่ใจและระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับวัสดุประเภทอื่น ประกอบกับไม้คืออาหารสุดโปรดของบรรดาปลวกและจำพวกมอดไม้ต่างๆ อีกทั้งยังยืดหดตัวหรือผุพังได้ง่ายเมื่อถูกแดด ฝน ความชื้น และประตูหน้าต่างที่ทรุดโทรมนอกจากจะทำให้ไม่สวยงามแล้วยังอาจเกิดรอยรั่วตามขอบหน้าต่างอันเป็นช่องทางทำให้น้ำรั่วซึมเข้ามา รวมทั้งสัตว์จำพวกแมลงมดก็จะเข้ามาก่อกวนในบ้านอีกด้วย ทั้งนี้ในการซ่อมแซมบ้านตามปกติทั่วๆไปสามารถทำได้ง่ายๆ เช่น ใช้น้ำยาเคลือบรักษาไม้, ทาสีทับ, ยาแนวอุดรอยรั่ว  แต่หากเป็นกรณีที่ผุพังเสียหายจนเกินกว่าจะเยียวยา การเปลี่ยนหน้าต่างใหม่อาจเป็นทางเลือกที่จะช่วยได้ดีที่สุด

เมื่อต้องการเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่

ประตูหน้าต่างไม้

สำหรับบ้านทั่วไปถ้าแค่เปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ก็เพียงถอดประตูหรือหน้าต่างที่เสียหายออกไป แล้วนำบานใหม่เข้ามาติดตั้งแทน ซึ่งก็ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเท่าไหร่ แต่หากต้องถึงขนาดเปลี่ยนวงกบด้วยอาจจะเพิ่มความยุ่งยากแล้วต้องใช้ระยะเวลา เพราะตามธรรมชาติแล้ววัสดุที่เป็นปูนจะยึดกับวงกบไม้อย่างแน่นหนา การรื้อถอนวงกบเพื่อไม่ให้ขอบปูนรอบๆเสียหายจึงทำได้ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่แล้วมักจะได้รับความเสียหายของผนังปูนบริเวณรอบวงกบตามมาเป็นของแถมด้วย ดังนั้นหลังจากที่ทำการรื้อวงกบไม้ออกแล้ว จะต้องเพิ่มขั้นตอนในการซ่อมแซมผนังปูนเข้าไปด้วย รวมถึงจะต้องเผื่อเวลาสำหรับรอให้ปูนแห้งอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 วัน จึงค่อยติดตั้งวงกบตามด้วยติดบานประตูหน้าต่างเข้าไปใหม่

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าขั้นตอนในการเปลี่ยนประตูหน้าต่างไม้รวมทั้งการเปลี่ยนวงกบจะต้องอาศัยเวลาและขั้นตอนในการดำเนินงานพอสมควร ยิ่งเจ้าของบ้านที่ต้องทำงานนอกบ้านด้วยอาจต้องลางานมาเพื่อเฝ้าดูการทำงานของช่าง อีกทั้งยังรวมถึงการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่กีดขวาง ทำความสะอาดบ้านพวกฝุ่นผงเศษวัสดุหลังติดตั้ง เพราะฉะนั้นไหนๆก็ต้องเสียเวลาแล้ว ก่อนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนประตูหน้าต่างบ้าน จึงควรพิจารณาตรวจสอบรอบบ้านว่ามีกี่บานที่ควรต้องเปลี่ยนบ้าง หรือหากอยากเปลี่ยนจากบานเปิดให้เป็นบานเลื่อน เปลี่ยนประเภทวัสดุของประตูหน้าต่างที่มีความทนทานมากกว่าไม้ ทนต่อปลวกกัดแทะ ไม่ยืดหดตัว เช่น อะลูมิเนียม ไวนิล ก็ให้ดำเนินการไปเลยทีเดียว แนะนำว่าถ้าต้องการความเงียบสงบภายในบ้าน หรือป้องกันอากาศหรือความร้อนแผ่กระจายควรเลือกประตูหน้าต่างเป็นไวนิลจะช่วยได้ดีที่สุดเพราะมีรอยต่อที่มิดชิดสามารถเก็บเสียงได้ดี

ประตูหน้าต่างไม้

ส่วนเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามหากวางแผนจะเปลี่ยนประตูหน้าต่างไม้ คือ “ความชำนาญของทีมช่าง” เจ้าของบ้านจึงควรเลือกทีมช่างที่มีความประณีตทั้งเรื่องการติดตั้งและรื้อถอน เพื่อให้ได้งานที่เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังปูนน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาไม่นานเกินไป รวมทั้งต้องมีความชำนาญในการวัด ตัด ประกอบให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ เพราะถ้าผิดพลาดเพียงนิดเดียว ถึงกลับต้องขนเอาบานประตูหน้าต่างกลับไปแก้ไขใหม่ ทำให้เสียเวลาและเสียเงินมากขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ถ้าหากว่าต้องการซ่อมสีบานประตูไม้ทั้งบานประตูไม้อัดหรือไม้จริงก็สามารถทำเองได้ไม่ยุ่งยาก โดยมีขั้นตอนในการซ่อมแซมสีบานประตูไม้ ดังนี้ค่ะ

ประตูหน้าต่างไม้

  • ถอดบานประตูออกจากวงกบเสียก่อน ด้วยการใช้สว่านไขสกรูที่ยึดบานพับกับบานประตูออก ควรเริ่มจากบานพับที่อยู่ตรงกลางและควรมีผู้ช่วยพยุงบานประตูไม่ให้ล้มในระหว่างการทำงานด้วย
  • สำหรับบานประตูไม้ทำสีธรรมชาติที่ต้องการเน้นโชว์ลายไม้ ให้ใช้กระดาษทรายขัดตัวเคลือบไม้เดิมออก ถ้าเป็นประตูไม้เนื้ออ่อน ควรใช้กระดาษทราบประมาณเบอร์ 2-3 เพราะตัวเคลือบจะไม่ค่อยหนา และเพื่อป้องกันไม่ให้ทิ้งริ้วรอยที่ผิวไม้มาก (กรณีที่มีเครื่องขัดกระดาษทราย จะทำให้ทุนแรงและเวลาได้ดี) แต่ถ้าพบว่ามีคราบรอยราดำ ต้องขัดออกให้หมดเสียก่อน
  • ตรวจสอบประตูให้ละเอียดว่าที่บานประตูมีรอยแตกร้าวหรือไม่ ถ้าพบให้รีบนำดินสอพองมาผสมกับน้ำ ไม่ต้องข้นหรือใสมากเกินไป แล้วนำมาโป๊วอุดรอยตรงบริเวณที่มีรอยแตก ทิ้งไว้จนกว่าจะแห้ง
  • ควรใช้กระดาษทรายเบอร์ 0 (ชนิดละเอียดที่สุด) ค่อยๆขัดเนื้อดินสอพอส่วนเกินออกไป
  • ทำความสะอาดที่ผิวไม้จนหมดพวกฝุ่นผง ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท
  • ก่อนที่จะเริ่มทาน้ำยารักษาเนื้อไม้หรือสีทาทับหน้า ควรนำเทปกาวมาติดที่ลูกบิด มือจับ หรือกลอนเสียก่อน เพื่อปกป้องผิวของอุปกรณ์เหล่านี้ จากนั้นก็ทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ให้ทั่วทุกด้าน จำนวน 2 เที่ยว ทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ถ้าผลิตภัณฑ์ที่เลือกมีคุณสมบัติป้องกันเชื้อราอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทาซ้ำ แต่หากผลิตภัณฑ์ที่เลือกไม่มีส่วนผสมอยู่ ก็ควรทาน้ำยาป้องกันเชื้อรา (Micro Kill) ร่วมด้วย
  • จากนั้นก็ทาทับด้วยสีย้อมไม้ จำนวน 2 เที่ยว ทิ้งไว้ให้แห้ง ดึงเทปกาวออก แล้วติดตั้งประตูเข้ากับวงกบไปดั้งเดิม

อย่างไรก็ดี เจ้าของบ้านควรมีการตัดสินใจโดยพิจารณาปัจจัยต่างๆเสียก่อน ว่าจะเปลี่ยนประตูหน้าต่างไม้ทั้งบานหรือจะแค่ซ่อมแซม เพื่อความคุ้มค่าทั้งเรื่องของเงินและเวลาในขั้นตอนดำเนินการต่างๆเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังค่ะ


วิธีแก้ไขปัญหาบานหน้าต่างไม้ มีรอยแตกร้าว

การใช้งานบานหน้าต่างไม้นานๆ อาจเกิดปัญหารอยแตกร้าวของเนื้อไม้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อากาศแห้ง เย็น แต่เมื่อเข้าฤดูฝนไม้ก็จะยืดขยายตัวจากความชื้น ทำให้เกิดปัญหารอยแตกบานหน้าต่างไม้ขึ้น การรีบดำเนินการซ่อมแซมเองเมื่อแตกร้าวไม่มากเท่าไหร่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมได้ค่ะ โดยวิธีการซ่อมแซมบานหน้าต่างไม้ที่มีรอยแตก จะสามารถทำได้ดังนี้

1. ตรวจสอบและประเมินความเสียหาย

เมื่อพบความเสียหายในหน้าต่าง ควรตรวจสอบความเสียหายและประเมินระดับความรุนแรงก่อน หากเป็นรอยที่ใหญ่จะต้องถอดออกก่อนเพื่อทำงานได้สะดวกขึ้น วิธีการถอดหน้าต่างคือเปิดบานหน้าต่างออกมาให้อยู่ในลักษณะทำมุมกับผนังได้ 90 องศา จากนั้นขันนอตออกและจับบานหน้าต่างให้ยกขึ้นเพื่อถอดข้อต่อของหน้าต่างออกจากกัน

2. ทำความสะอาดก่อนที่จะทำการซ่อมแซม

หลังจากถอดบานหน้าต่างหรือประตูออกมาแล้ว ควรทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำบีบหมาดๆ เพื่อขจัดคราบฝุ่นและสิ่งสกปรก จากนั้นใช้กระดาษทรายหยาบหรือแปรงขัดลวดทองเหลือง ขัดแต่งบริเวณรอบๆรอยแตก หรือบนจุดแหว่งบนหน้าต่างเพื่อให้เรียบร้อยก่อน

3. เตรียมอุปกรณ์ และหาวัสดุสำหรับการอุดรอยแตก

เมื่อต้องการอุดรอยแตกที่ใหญ่ไม่สามารถหาวัสดุอุดได้ สามารถใช้เศษไม้ตัดแต่งหรือดัดแปลงให้เข้ากับรอยแตกได้ โดยต้องตรวจสอบความชื้นและเชื้อราก่อน และใช้กาวสำหรับติดไม้ทาลงบนชิ้นไม้ จากนั้นประกบชิ้นไม้ลงไปที่รอยแตกและกดเอาไว้จนกว่ากาวจะแห้งสนิท วัสดุที่ใช้ในการอุดรอยแตกมีหลากหลายแบบ

แต่ที่นิยมใช้กันมากๆ คือ การผสมน้ำมันยาง, ชันดินสองพอง, และขี้เลื่อยร่อยละเอียด จะทำให้วัสดุแข็งแรงทนทานและสามารถป้องกันน้ำได้ นิยมใช้ในการอุดเรือไม่ให้รั่ว ส่วนผงขี้เลื่อยผสมกับกาวลาเท็กซ์, ดินสอพอง, และสีฝุ่นเพื่อให้มีสีที่คล้ายหรือเหมือนกับเนื้อไม้เดิม ดินสอพองผสมกับน้ำมันวานิสหรือยูริเทน


เทคนิคการเลือกวัสดุบานประตู ให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกประตูบ้านต้องเน้นความแข็งแรงและทนทาน โดยเฉพาะประตูหลักของบ้าน และควรเลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งาน เช่น ประตูที่ต้องสัมผัสกับความชื้นบ่อยๆ ควรเลือกวัสดุที่ทนน้ำได้ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีแก้และติดตั้งวงกบประตูที่บางกว่าผนัง และ การดูแลรักษาประตูหน้าต่างไม้ไม่ให้ผุพัง โดยคุณสมบัติของบานประตูไม้แต่ละชนิดก็จะมีข้อแตกต่างกันดังนี้

  1. บานประตูไม้ทั่วไป : ไม้เป็นวัสดุที่คนไทยคุ้นเคย เพราะเข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ สามารถตกแต่งได้ตามต้องการ แต่ข้อจำกัดคือเรื่องน้ำ ถ้าโดนน้ำบ่อยๆ จะเกิดเชื้อรา และเมื่ออากาศแห้งลงไม้ก็จะโก่ง ดังนั้นควรเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งและบำรุงรักษาอยู่เสมอ
  2. บ้านประตูไม้แบบ WPC : บานประตู WPC หรือไม้สังเคราะห์ ถูกสร้างจากการผสมผสานของไม้บดและพลาสติก ทำให้ได้บานประตูที่แข็งแรงทนทาน ไม่ติดไฟ และสามารถกันแรงกระแทกได้ดี สามารถใช้งานได้ทุกส่วนของบ้านทั้งภายในและภายนอก
  3. บานประตูไม้วัสดุ HDF : ประตูไม้ HDF หรือประตูแผ่นใยไม้ ทำจากเส้นใยธรรมชาติผสมกับกาวสังเคราะห์ อัดด้วยความดันและความร้อนสูง เพื่อทำให้เส้นใยประสานเป็นเนื้อเดียวกัน โครงสร้างบานประตูแข็งแรงเหมือนไม้จริง แต่เหมาะสำหรับใช้ภายในเท่านั้น เช่น ประตูห้องน้ำ แต่ควรระบายอากาศได้ดีและหลีกเลี่ยงการโดนแดดและฝนที่จะกระทบโดยตรง

สำหรับการดูแลบานประตูหรือบานหน้าต่างที่เป็นวัสดุที่ทำขึ้นจากไม้นับว่าเป็นสิ่งที่ควรดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ นึกว่าสรุปเหล่านี้นั้นส่วนมากจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปในไม้แต่ละชนิด ไม้บางชนิดเองที่มีความทนทานต่ออากาศร้อน หรือมีคุณสมบัติทนทานต่อการผุพัง ซึ่งมีอายุการใช้งานที่ยาว รับวัสดุเหล่านี้นั้นสามารถซ่อมแซมได้ง่าย โดยใช้วัสดุเดียวกันในการซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกร้าว การดูแลและซ่อมแซมก็สามารถทำได้ด้วยการนำผงขี้เลื่อยในการอุดรอยแตกหรือรอยร้าวได้เช่นกัน นั่นแล้วสิ่งสำคัญในการเลือกใช้วัสดุเหล่านี้นั่นก็คือการตรวจเช็คสภาพบ้านโดยรอบ เพื่อดูความเหมาะสมในการเลือกวัสดุไม้ที่จะนำมาใช้เป็นบานประตู หรือบานหน้าต่างนั่นเอง

Con Mueangsak

เขียนโดย Con Mueangsak

โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save